มีคนไม่มาก - มีชีวิตอยู่หรือตาย - สามารถอ้างสิทธิ์ในชื่อเสียงและความสำเร็จที่ Mick Jagger ได้รับตลอดช่วงชีวิตของเขา ศิลปินชาวอังกฤษประสบความสำเร็จในงานของเขาจนทำให้เขาได้รับรางวัลสูงสุดที่พลเมืองจากประเทศของเขาสามารถทำได้ นั่นคือ อัศวินจากราชินี
Jagger เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในด้านดนตรีของเขา แต่เขาก็ได้ผจญภัยไปในโลกของภาพยนตร์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำงานเป็นนักแสดงและโปรดิวเซอร์ สำหรับการทำงานที่คุ้มค่าตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ชายวัย 78 ปีรายนี้คาดว่าจะมีมูลค่าสุทธิราว 500 ล้านดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเทียบได้กับเพื่อนร่วมงานในวงการบันเทิงบางคน นอกเหนือจากความสำเร็จในอาชีพการงานทั้งหมดของเขา แจ็คเกอร์ยังสามารถอวดการมีครอบครัวที่ใหญ่โตและผสมปนเปกันปัจจุบันเขามีลูกแปดคนจากแม่ที่แตกต่างกันห้าคน แต่เขามักจะได้รับการยกย่องว่าเป็นพ่อที่น่ารักและปัจจุบัน
นักดนตรีที่เกิดในดาร์ทฟอร์ดอาจมีอาชีพและชีวิตที่โดดเด่นยิ่งขึ้น หากเขาหมกมุ่นอยู่กับการแสดงมากขึ้น
8 อาชีพดนตรีของ Mick Jagger
Mick Jagger มาจากยุคทองของวงดนตรีร็อกแอนด์ป็อปของสหราชอาณาจักร The Beatles, Queen และ The Rolling Stones มักถูกเรียกว่าเป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 3 วงในยุคนั้น Jagger เป็นผู้นำของ The Rolling Stones ตั้งแต่ก่อตั้งวงในปี 1962 ในเวลานั้นพวกเขาได้ออกสตูดิโออัลบั้มด้วยกันทั้งหมด 30 อัลบั้ม
Jagger ได้บันทึกสตูดิโออัลบั้มของเขาเองสี่อัลบั้ม อัลบั้มสุดท้ายคือ Goddess in the Doorway และเปิดตัวในปี 2001
7 มิกค์ แจ็คเกอร์ ในบทนักแสดง
ความรักของมิกค์ แจ็คเกอร์ที่มีต่อจอเงินนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ เนื่องจากเป็นสนามที่เขาทุ่มเทเวลาและทรัพยากรไปอย่างมากอาชีพการแสดงของเขาถูกอธิบายว่า 'ไม่ต่อเนื่อง' อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขามักจะจัดลำดับความสำคัญของเพลงมากกว่าการเล่นภาพยนตร์หรือตัวละครในทีวีต่อหน้ากล้อง
เขาเริ่มแสดงครั้งแรกในปี 1970 โดยบทบาทล่าสุดของเขาคือในภาพยนตร์อาชญากรรมระทึกขวัญปี 2019 เรื่อง The Burnt Orange Heresy ร่วมกับนักแสดงอย่าง Claes Bang, Elizabeth Debicki และ Donald Sutherland
6 บทบาทภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของ Mick Jagger
1970 อาจเรียกได้ว่าเป็นปีที่สำคัญที่สุดของเซอร์ มิกค์ แจกเกอร์ในฐานะนักแสดง สองบทบาทที่ใหญ่ที่สุดในอาชีพของเขาคือในปีนั้น: ในละครอาชญากรรมเรื่อง Performance และในชีวประวัติของ Ned Kelly ของออสเตรเลียที่มีชื่อเดียวกัน
ในการแสดง เขาเล่นเป็นตัวละครที่ชื่อเทิร์นเนอร์ อธิบายว่าเป็น "อดีตร็อคสตาร์ผู้สันโดษผู้แปลกประหลาดที่สูญเสียอสูรไป" แม้ว่าในตอนแรกจะได้รับการวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่ภาพ Donald Cammell และ Nicolas Roeg ก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อังกฤษ
5 มิกค์ แจกเกอร์ ถูกทาบทามให้แสดงใน 'Dune'
ก่อนภาพยนตร์ไซไฟมหากาพย์ปี 2021 Dune กวาดรางวัลใหญ่ๆ หลายรางวัล แม้กระทั่งก่อนที่ David Lynch จะดัดแปลงนิยายของ Frank Herbert ในปี 1984 มิก แจ็คเกอร์เกือบจะกลายเป็นอมตะในฐานะส่วนหนึ่งของจักรวาล ผู้กำกับชาวชิลี-ฝรั่งเศส Alejandro Jodorowsky เข้าหาเขาเพื่อรับบทเป็น Feyd-Rautha ในภาพยนตร์ที่เขาสร้างขึ้นจากหนังสือ
แม้ว่าจะไม่ใช่หนึ่งในบทบาทที่แจ็คเกอร์ปฏิเสธ แต่ภาพของโจโดโรว์สกี้ไม่เคยถูกสร้างขึ้นมา และบางครั้งเรียกว่า "ภาพยนตร์ไซไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยสร้าง"
4 เหตุใดมิกค์ แจ็คเกอร์จึงปฏิเสธบทบาทนักแสดงหลัก
โดยส่วนใหญ่แล้ว ความเกลียดชังของ Mick Jagger ที่จะรับส่วนต่างๆ ของภาพยนตร์หลังจากที่เริ่มต้นอย่างรวดเร็วในตอนแรกของเขานั้นลดลงเหลือแค่คุณภาพของบทบาทที่เขาได้รับ “จริงๆ แล้วมีหลายส่วนที่ยอดเยี่ยมไม่มาก” เขากล่าวในการสัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ “คุณได้รับขยะมากมายในยุค 70 และ 80 มีอคติมากมายต่อนักดนตรีที่เป็นนักแสดง"
ในเวลาเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่บทบาทที่ดีเข้ามา กำหนดการที่ขัดแย้งกับวันทัวร์ของวงดนตรีของเขามักจะหมายความว่าเขาเลือกอย่างหลัง ภาพยนตร์เยอรมันตะวันตกปี 1982 Fitzcarraldo เป็นตัวอย่างของเรื่องนี้ เนื่องจากนักร้องรายนี้ลาออกจากการถ่ายทำและบังคับให้ผู้กำกับถอดตัวละครของเขาออกจากบทโดยสิ้นเชิง
3 Mick Jagger เพิ่งเขียนธีมสำหรับ 'Slow Horses' บน Apple TV+
ถึงแม้จะไม่ใช่นักแสดงที่กระตือรือร้นในทุกวันนี้ แต่มิก แจ็คเกอร์จะไม่มีใครพบเห็นได้ไกลจากโลกของภาพยนตร์และโทรทัศน์มากเกินไป เขาเป็นสมองเบื้องหลัง Strange Game เพลงประกอบซีรีส์สายลับระทึกขวัญเรื่องใหม่ของ Apple TV+ เรื่อง Slow Horses
บนหน้า Instagram ของเขา Jagger แสดงความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมสร้างสรรค์สำหรับโปรเจ็กต์นี้ "ฉันสนุกกับการสร้างแทร็กธีมสำหรับ Slow Horses กับ Daniel Pemberton … หวังว่าคุณจะสนุกกับมัน!" เขาเขียนไว้ส่วนหนึ่ง
2 The Rolling Stones ได้ลิขสิทธิ์เพลงของพวกเขาสำหรับภาพยนตร์และทีวีแล้ว
นอกจากเพลงต้นฉบับแล้ว เพลงของ Mick Jagger ยังเป็นแก่นของทั้งจอเล็กและจอใหญ่มาหลายสิบปีแล้ว The Rolling Stones ได้ลิขสิทธิ์เพลงของพวกเขาสำหรับใช้ในภาพยนตร์และรายการทีวีต่างๆ
"บางครั้งมันแปลกถ้าคุณกำลังเพลิดเพลินกับภาพยนตร์หรือไม่เพลิดเพลินกับภาพยนตร์ และจู่ๆ ก็มีเพลงของคุณขึ้นมา หากคุณลืมว่าคุณได้ลิขสิทธิ์เพลงนั้นไปแล้ว" ร็อคสตาร์ อ้างคำพูดเกี่ยวกับผลงานการแสดงของเขาโดย MSN
1 มิกค์ แจ็คเกอร์เป็นผู้สร้างภาพยนตร์เอง
นอกเหนือจากการแสดง เช่นเดียวกับการเขียนและลิขสิทธิ์เพลงสำหรับภาพยนตร์และรายการทีวี มิกค์ แจ็คเกอร์ยังเป็นผู้สร้างภาพยนตร์และโปรดิวเซอร์ตัวจริงอีกด้วย การแสดงครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นในปี 1987 ในภาพยนตร์ผจญภัยเรื่อง Running Out of Luck ซึ่งเขาได้ร่วมแสดงด้วย
ในปี 1995 เขาก่อตั้งบริษัทโปรดักชั่นชื่อ Jagged Films ซึ่งรับผิดชอบงานภาพยนตร์เช่น Enigma, Being Mick (ทั้งปี 2001), The Women (2008) และชีวประวัติของ James Brown ที่นำโดย Chadwick Boseman ภาพยนตร์เพลง Get on Up.
