โพสต์ล่าสุดของมาดอนน่าบนอินสตาแกรมของเธอถูกพบด้วยความคิดเห็นที่หลากหลาย เธอโพสต์สุนทรพจน์ 2 นาทีโดย Malcolm X ในปี 1962 โดยพูดถึงการแบ่งแยกทางเชื้อชาติในสหรัฐอเมริกา
เธอยกคำพูดสองสามบรรทัดจากคำพูดเช่น "บอกพวกเขาว่าคุณรู้สึกอย่างไร…และให้เขารู้ว่าถ้าเขาไม่พร้อมที่จะทำความสะอาดบ้านเขาไม่ควรมีบ้าน มันควรจะจับ ไฟและเผา" Malcolm X กำลังพูดถึงการกดขี่และการแสวงประโยชน์จากชุมชนคนผิวสีในอเมริกา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรากเหง้าของความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติในปัจจุบัน
Malcolm X กำลังพูดถึงการจัดการกับการเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ เพราะเขาเชื่อว่านี่เป็นสาเหตุรากเหง้าของการแบ่งแยกทางเชื้อชาติในอเมริกาและเป็นสาเหตุของการแบ่งแยกภายในชุมชนชาวแอฟริกัน-อเมริกันการกล่าวสุนทรพจน์เป็นการเรียกร้องให้รวมตัวกันต่อต้านกฎหมายการแบ่งแยก วาทศิลป์ และวัฒนธรรม
บัญชี Instagram ของมาดอนน่าเต็มไปด้วยโพสต์ที่ให้ความรู้และแจ้งให้ผู้ติดตามของเธอทราบเกี่ยวกับขบวนการ BLM และประวัติของสิทธิพลเมืองและความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติในอเมริกา อย่างไรก็ตาม เธอได้รับความคิดเห็นที่หลากหลายสำหรับโพสต์ของเธอใน Malcolm X
บางความเห็นเขียนว่า "หุ่นเชิดการเมืองมาดอนน่า เติมพลังการ์ดสงคราม" และ "พรรคเดโมแครตคือศัตรูของคุณ โหวตทรัมป์ 2020" นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นที่กล่าวหาว่าเธอถูกเข้าใจผิดและแตกแยก
อย่างไรก็ตาม เธอได้รับความคิดเห็นในเชิงบวกมากมายที่ขอบคุณเธอที่ใช้คนดังและแพลตฟอร์มเพื่อให้ความรู้และให้ข้อมูลแก่ผู้คน ความคิดเห็นหนึ่งอ่านว่า "ฉันชอบความจริงที่ว่าคุณกำลังแจ้งให้โลกทราบเกี่ยวกับประเด็นทางสังคม มีผู้คนนับล้านที่อาจไม่รู้จักเกี่ยวกับการแยกทางกฎหมายเมื่อ 60 ปีที่แล้วในสหรัฐอเมริกา"
มาดอนน่าใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเธอเพื่อเน้นย้ำการทำงานของอดีตผู้นำด้านสิทธิพลเมือง เช่น Malcolm X รวมถึงการเรียกร้องความโหดร้ายของตำรวจและการบริหารปัจจุบัน และให้ความรู้แก่ผู้ชมเกี่ยวกับผลกระทบของการเหยียดเชื้อชาติ เด็ก.
เธอยังโพสต์มิวสิกวิดีโอของซิงเกิ้ล 'Like A Prayer' ในปี 1989 ของเธอ ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งเมื่อ 30 ปีที่แล้วเกี่ยวกับการแสดงภาพความรุนแรงของตำรวจ หลังจากวิดีโอถูกปล่อยออกมา มาดอนน่าเสียสัญญาที่ร่ำรวยของเธอกับเป๊ปซี่ มาดอนน่ากล่าวว่า "เราทุกคนต่างมีหนทางอีกยาวไกล แต่การปฏิวัติที่ล่วงเลยมายาวนานซึ่งกำลังเกิดขึ้นในอเมริกาขณะนี้ ยอดเยี่ยมมากที่ไม่เพียงแต่เป็นสักขีพยานในการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่ยังได้เห็นผู้นำรุ่นใหม่ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้เกิดขึ้น"